top of page

Sensory Skill Experience(ทักษะด้านประสาทสัมผัส )

อัปเดตเมื่อ 4 ก.ค. 2565

แชร์ประสบการณ์ชั้นเรียนเพื่อพัฒนาทักษะด้านประสาทสัมผัสด้านกาแฟ

ree

จุดเริ่มต้นของการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ ถ้าให้นิยามก็คือการเริ่มต้นเรียนรู้ของประสาทสัมผัสของเราและเข้าสู่การเรียนรู้กาแฟในรูปแบบที่เป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้นค่ะ


The sensory skill of SCA (Specialty Coffee Association) หรือ สมาคมกาแฟพิเศษซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นบนพื้นฐานบนความเปิดกว้าง กว้างขวาง และการแบ่งปันความรู้เรื่องราวกาแฟ

ชั้นเรียน Sensory Skill ของ SCA นั้น ประกอบด้วย 3 ระดับ Foundation, Intermediate, and Professional และเพื่อการเข้าสู่บทเรียน Professional นั้นต้องเรียนและสอบผ่านอีก 2 ระดับเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน จึงจะสามารถเข้าสู่บทเรียนของระดับ Professional ได้ เวลาช่องว่างเหล่านั้นคือช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ และศึกษาเพิ่มเติมให้มากขึ้น พร้อมทั้งฝึกฝนประสาทสัมผัสของเราให้พร้อมสู่ระดับต่อไป เพราะอย่างที่ทราบกันดี การที่จะเข้าใจในเรื่องของประสาทสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งนั้น เราไม่สามารถที่จะท่องจำและนำไปใช้งานได้ แต่เป็นทักษะที่ต้องใช้เวลาในการฝึก เรียนรู้และเข้าใจ เพื่อการพัฒนาประสาทสัมผัสของเราได้อย่างแท้จริง

ชั้นเรียนเริ่มต้นจากการเรียน “ข้อกำหนด” ของสมาคมกาแฟพิเศษเพื่อให้เข้าใจถึง กระบวนการ ลำดับวิธี ขั้นตอนการคิด เพื่อให้ผู้เรียนมีความเข้าใจในมาตรฐานเดียวกันในระดับสากล และเมื่อทำความเข้าใจในข้อกำหนดเหล่านี้แล้ว ก็จะนำเราเข้าไปสู่บทเรียนของประสาทสัมผัส

ree

ในชีวิตประจำวันของเรานั้น เราล้วนต้องใช้งานประสาทสัมผัสของเราอยู่เป็นประจำ ทุกครั้งที่เรา เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น สัมผัสและชิม สิ่งเหล่านี้นี่แหละ ที่เรียกว่า "ประสาทสัมผัส" ยกตัวอย่าง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าผลไม้พร้อมทานแล้ว, ลักษณะแบบนี้น่าจะรสชาติดี พวกเราอาจไม่ทันสังเกตุ แต่พวกเรานั้นได้คัดสรรอาหารรอบๆตัวเรา ด้วยการ “การมอง” อาจจะมองที่สี ลักษณะ หรือรูปร่าง, “การสัมผัส” ด้วยการสัมผัส เช่นผลไม้ลูกนี้นิ่มแล้วอาจจะสุกเกินไป, “การได้กลิ่น” กลิ่นหอม กลิ่นเหม็น เป็นอีกประสาทที่สัมผัสเราใช้ในทุกๆครั้งในการรับประทาน บางครั้งเราก็ใช้ “การฟัง” เพื่อฟังว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นอย่างไร เช่นเดียวกันที่เราทำกับผลไม้เปลือกหนา เช่น ทุเรียน น้อยหน่า ท้ายสุด “การชิม” เป็นประสาทสัมผัสที่เราใช้มากและประเมินความพึงพอใจในอาหารหรือเครื่องดื่มอย่างมากที่สุด และทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากการใช้ประสาทสัมผัสกับกาแฟเลยค่ะ

ree

เพื่อเข้าใกล้ความเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น คือ เราจะต้องเรียนรู้การใช้ประสาทสัมผัสที่ไร้ซึ่งอคติ ตัวอย่างเช่น เมื่อเราเห็นแอปเปิ้ลแดง เราก็มั่นใจแล้วว่าหวานกว่าแอปเปิ้ลเขียวแน่นอน แม้จะเป็นความจริงกว่า 90% แต่การเชื่อเพียงประสาทสัมผัส ความรู้สึก หรือความเคยชินเพียงอย่างเดียวเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเสมอไปอีกต่อไป หลังจากได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากในชั้นเรียน ทำให้เล็งเห็นความสำคัญของการเปิดใจและไม่รีบตัดสินสิ่งใดก่อน มีการทดสอบหนึ่งในชั้นเรียน คือการทดลงแยกชนิดของน้ำประเภทต่างๆเช่น น้ำแร่ น้ำก็อก น้ำคลอลีน เพราะเมื่อเรามอง และ เห็น เราจะเห็นว่าเหมือนกัน แต่รสสัมผัสที่ต่างกันเหล่านั้นทำให้เราตระหนักได้ในเรื่องของการใช้ประสาทสัมผัสอื่นๆร่วมด้วย นอกจากน้ำ ยังมีการทดสอบเปรียบเทียบรสชาติของนมชนิดต่างๆอีกด้วย ซึ่งบททดสอบเหล่านี้สอนอะไรเราได้มากจริงๆ



ree

นอกจากนี้แล้วยังต้องเรียนรู้และจดจำกลิ่น 36 ตัวอย่างเพื่อใช้ในการอธิบายและจำจดรสชาติไปในมาตรฐานเดียวกัน จะไม่มีการใช้ทัศนคติส่วนตัว “คิด”ว่ากลิ่นนั้นเป็นแบบนั้นอีกต่อไป หากแต่ทุกคนต้องมีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อใช้ในการเรียนรู้และพัฒนาไปในทางเดียวกัน แม้ต่างภาษา แต่เราใช้มาตรฐานเดียวกันในระดับสากล การทดสอบดมกลิ่น เกิดขึ้นในห้องที่มีไฟสีแดง เพื่อไม่ให้เราแยกกลิ่นได้ด้วยสี การทดสอบนี้จึงจำเป็นต้องจดจำกลิ่น อธิบาย โดยการระบุด้วยการดมให้ได้เท่านั้น


ree

ส่วนสุดท้ายที่สำคัญมากของชั้นเรียนคือ Cupping Protocols ขั้นตอนที่สำคัญเหล่านี้เป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมกาแฟใช้กันในระดับสากล เพื่อประเมินคุณภาพของ Green Bean (กาแฟที่ยังไม่ผ่านการคั่ว) เพื่อการทดสอบอย่างเป็นธรรม เที่ยงตรง ด้วยปัจจัยขั้นตอนต่างๆ ทำให้การประเมินกาแฟ ด้วยวิธี Cupping นี้ เป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ และการตรวจสอบกาแฟที่เที่ยงตรงนี้ ช่วยส่งผลให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้รับราคากาแฟอย่างเป็นธรรมตามคุณภาพ ทั้งโรงคั่ว บาริสต้า และผู้บริโภคก็สามารถเลือกทานกาแฟได้ในแบบที่ตนเองต้องการ และมั่นใจในมาตรฐานของการตรวจสอบด้วยค่ะ



ree

 
 
 

ความคิดเห็น


ติดต่อเรา

+66-87-592-2723

Passionrista@gmail.com

@passionrista

bottom of page